Sunday, 25 October 2015

Adidas

ประวัติของรองเท้า Adidas


        เมื่อพุดถึงอุปกรณ์กีฬาที่ยิ่งใหญ่และถือเป็นแบรนด์ระดับโลก หลายคนย่อมนึกถึง "อาดิดาส" กับแถบ 3 ขีดอันเป็นเอกลักษณ์ของยักษ์ใหญ่แห่งวงการผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาของโลกสัญชาติเยอรมัน และขาใหญ่แห่งอุตสาหกรรมผลิตสินค้ากีฬา ซึ่งได้รับความนิยมและมีโรงงานผลิตอุปกรณ์กีฬาตั้งอยู่ทั่วโลกนั้น มีจุดกำเนิดมาจากชายผู้ทำรองเท้าคู่แรกในชีวิตในครัวที่บ้านของตัวเอง ชายคนนั้นมีนามว่า อดอล์ฟ "อาดี" ดาสเลอร์

       อาดี ดาสเลอร์ เริ่มต้นทำรองเท้าด้วยฝีมือตัวเองทั้งหมดเป็นคู่แรกในชีวิตเมื่อปี 1920 ขณะอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น ด้วยเป้าหมายที่เจ้าตัวตั้งเอาไว้ว่าจะทำให้นักกีฬาทุกคนได้สวมใส่รองเท้าที่ดีที่สุดลงสนามแข่งขัน ซึ่งมันเป็นแนวคิดที่ติดตัวเขามาตลอดจนกระทั่งเจ้าตัวเสียชีวิตในปี 1978 เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬากว่า 700 รายการ รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดยักษ์ใหญ่ของ อาดิดาส ที่มีอยู่ทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบของ ดาสเลอร์ ได้เป็นอย่างดี

       รองเท้าคู่แรกของ ดาสเลอร์ ทำจากวัสดุที่มีอยู่อย่างขัดสนในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากนั้นเขาริเริ่มที่จะทำธุรกิจผลิตรองเท้าเป็นจริงเป็นจัง โดยได้รับการสนับสนุนจาก คริสโตฟ บิดาบังเกิดเกล้าซึ่งทำงานในโรงงานทำรองเท้า รวมถึง เซห์ลีน น้องชายของเขาที่เป็นคนคิดค้นแถบ 3 ขีดอันเป็นสัญลักษณ์ของ อาดิดาส ก่อนที่ รูดอล์ฟ พี่ชาย จะเข้ามาร่วมหุ้นในเวลาต่อมา โดยวัสดุส่วนใหญ่ที่เขานำมาใช้ทำรองเท้าเป็นผ้าใบ และด้วยความที่ตัวเขาเองก็เป็นนักกีฬาอยู่แล้ว ส่งผลให้ ดาสเลอร์ มักจจะเข้าใจถึงความต้องการของนักกีฬาได้เป็นอย่างดี และหลังจากนั้นเขาก็มักจะไปปรากฏตัวอยู่ในการแข่งขันกีฬารายการสำคัญๆ อยู่เป็นประจำ
 
        รองเท้าส่วนใหญ่ของ อาดี ดาสเลอร์ เน้นไปที่รองเท้าสำหรับนักกรีฑาทั้งประเภทลู่และลานเป็นหลัก โดยครั้งแรกที่รองเท้ารุ่นพิเศษจากโรงงานของเขาถูกสวมใส่โดยนักกีฬาในทัวร์นาเมนต์สำคัญคือในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 1928 ที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์ โดยช่วงดังกล่าวเป็นยุคแรกๆที่ ดาสเลอร์ ทดลองผลิตรองเท้าที่มีปุ่มเพื่อช่วยในการยึดเกาะพื้นสนาม พอถึงยุคทศวรรษที่ 1930 ดาสเลอร์ ผลิตรองเท้ากีฬาออกมากว่า 30 แบบสำหรับ 11 ชนิดกีฬา ช่วงนั้นเขามีคนงานอยู่เกือบๆ 100 คน  อาดิดาส ก็กลายเป็นอุตสาหกรรมผลิตรองเท้ากีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากเริ่มก่อตั้งมาได้ไม่ถึง 2 ทศวรรษเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก เจสซี โอเว่น นักกรีฑาชาวอเมริกัน คว้า 4 เหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์ 1936 ที่กรุงเบอร์ลิน โดยสวมใส่รองเท้าของเขา ขณะที่ อาร์มิน ฮารี่ นักกรีฑาคนแรกของโลกที่วิ่ง 100 เมตรด้วยเวลาต่ำกว่า 10 วินาที ก็สวมใส่รองเท้าของอาดิดาสเช่นกัน
 
       อย่างไรก็ตาม ดาสเลอร์ ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่หลังถูกพิษสงครามโลกครั้งที่ 2 เล่นงานจนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ในปี 1947 พร้อมด้วยคนงาน 47 คน เขาเริ่มทดลองนำเอาความรู้ที่เขามีในช่วงก่อนสงครามโลกมาผลิตรองเท้าด้วยไอเดียใหม่ ๆ รองเท้าคู่แรกที่ ดาสเลอร์ ทำขึ้นหลังสิ้นสุดสงครามโลกนั้น ทำจากผ้าใบและยางที่เป็นส่วนหนึ่งของถังน้ำมันเชื้อเพลิงของพวกอเมริกัน




         ในปี 1948 หลังจาก รูดอล์ฟ มีปัญหาขัดแย้งกับน้องชายของตัวเอง และแยกตัวออกไปตั้งบริษัทของตัวเองนามว่า "พูม่า" อาดี ก็ตัดสินใจตั้งชื่อบริษัทของเขาว่า "อาดิดาส" ซึ่งเกิดจากการนำเอาชื่อเล่นมารวมกับนามสกุลของเขานั่นเอง 1 ปีหลังจากนั้น เขาก็ทำการจดลิขสิทธิตราสัญลักษณ์ 3 ขีด ซึ่งอยู่ยั้งยืนยงมาจนถึงปัจจุบัน จากนั้น เขาเริ่มผลิตรองเท้าฟุตบอลเป็นครั้งแรกในปี 1949 โดยรองเท้าของเขามีปุ่มที่ทำจากยาง
 
        ในฟุตบอลโลก 1954 ที่ฟาดแข้งกันที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ชื่อเสียงของ อาดี ดาสเลอร์ ก็เริ่มกลายเป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เมื่อนักเตะทีมชาติเยอรมันตะวันตก ซึ่งนำทัพโดย ฟริตซ์ วอลเตอร์ และ เฮลมุท ราห์น พลิกล็อกเอาชนะ ฮังการี มหาอำนาจลูกหนังในยุคนั้นได้สำเร็จในรอบชิงชนะเลิศ โดยที่ขุนพล "อินทรีเหล็ก" ใส่รองเท้าที่มีปุ่มแบบพิเศษที่ผลิตโดย อาดิดาส ซึ่งจะช่วยในการยึดเกาะได้ดีในสภาพพื้นสนามที่เปียกชื้นหลังฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงก่อนเกมการแข่งขัน
 
       ในขณะที่บริษัทของเขาเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนั้น อาดี ดาสเลอร์ ก็พยายามที่จะสร้างความพิเศษให้กับสินค้าของเขา ดาสเลอร์เป็นเจ้าของกิจการคนแรกที่ใช้กีฬาในการโปรโมตนวัตกรรมใหม่ๆของเขาต่อสาธารณชน เขาเริ่มใช้นักกีฬาที่มีชื่อเสียงมาช่วยในการโฆษณาสินค้าของตัวเอง เจสซี่ โอเว่น, มูฮัมหมัด อาลี, แม็กซ์ ชเมลิ่ง, เซ็ปป์ แฮร์เบอร์เกอร์ ไปจนถึง ฟร้านซ์ เบ็คเค่นเบาเออร์ ล้วนมีความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยมกับตระกูล ดาสเลอร์ ด้วยกันทั้งสิ้น
ทุกวันนี้อาดิดาสก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติเยอรมันเหมือนเมื่อ 56 ปีก่อน

       การโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างหนักหน่วง กลายเป็นหนึ่งในนโยบายหลักในการดำเนินกิจการของ อาดิดาส นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดาสเลอร์ มักจะมีอุปกรณ์กีฬารุ่นใหม่ๆออกมาเพื่อใช้สำหรับการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของรองเท้าที่พวกเขามักจะก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งอยู่เสมอ อาดิดาส ผลิตรองเท้าสำหรับกีฬาเกือบทุกประเภท และจากนั้นเป็นตันมา อาดี และ ฮอร์สต์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา ก็ช่วยกันสร้าง อาดิดาส ให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่กีฬารายการใหญ่ๆต้องใช้อุปกรณ์กีฬาของพวกเขา และมันก็ยังคงเป็นแบบนั้นมาจนถึงทุกวันนี้

        นอกจากรองเท้ากีฬาที่เป็นสินค้าหลักแล้ว อาดิดาส ยังเริ่มผลิตเสื้อผ้าและชุดแข่งขันในช่วงกลางยุคทศวรรษที่ 1960 ส่วนลูกบอลนั้น พวกเขาเริ่มผลืตในปี 1963 หลังจากนั้น ลูกฟุตบอล อาดิดาส ก็ถูกเลือกให้เป็นลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการที่ใช้ในการแข่งขันศึกลูกหนังรายการใหญ่ๆมาตลอดนับตั้งแต่ศึกฟุตบอลโลก 1970 เป็นต้นมา

        อาดี ดาสเลอร์ เสียชีวิตในปี 1978 ด้วยวัย 78 ปี อย่างไรก็ตาม มรดกไอเดียความคิด และการพัฒนาอุปกรณ์กีฬาต่างๆนาๆที่เขาทิ้งเอาไว้ ยังคงเป็นตัวช่วยให้บรรดานักกีฬาสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมขึ้นไปเรื่อยๆ มาจนถึงทุกวันนี้

No comments:

Post a Comment